เมื่อสามีให้ฉันไม่ได้..นี่หรือคือจุดสุดยอด (ความสุขที่โหยหามานาน)

อ่านแล้ว 0 ครั้ง

megu-memezawa-14

เวลาทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอ นี่เป็นสัจจะธรรมความจริงที่ยังคงอยู่กับโลกของเราไปอีกนานแสนนาน ฉันเองก็เช่นกันไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่าชีวิตตัวเองจะต้องพบกับเหตุการณ์เช่นนี้ ฉันกับสามีแต่งงานกันมานาน เกือบยี่สิบปีแล้ว เราเริ่มรักกันตั้งสมัยที่เรียนมหาลัยปีสาม จนกระทั้งจบและมีการมีงานทำเป็นหลักแหล่งแล้วจึงได้แต่งงานกันโดยความเห็นพ้องต้องกันของผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย เมื่อเริ่มต้นชีวิตคู่เราดูเหมือนว่าจะเป็นไปด้วยความราบรื่น รุ่งเรือง มีความสุขเพราะผู้ใหญ่ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี เพียงไม่กี่ปี เราก็มีบ้านเป็นของตนเอง ข้าวของ เครื่องใช้ เครื่องอำนวยความสะดวกทุกอย่างมีค่อนข้างพร้อม ถึงแม้ว่ามันจะไม่หลูเลิศอลังการแต่ก็ทำให้ครอบครัวเราอยู่ได้อย่างมีความสุขตามอัตภาพ ไม่ต้องดิ้นรนมากนัก เงินเดือนของเราสองคนก็เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในครอบครัวแบบสบายๆ ถึงแม้ว่าสามีของฉันเองจะเป็นคนที่จะดื่มเก่งอยู่สักหน่อยก็ตาม เพราะชอบดื่มมาตั้งแต่หนุ่มๆ แต่ก็ไม่ถึงกับเดือดร้อน สร้างปัญหาการเงินให้กับครอบครัวเลย เมามามาก ๆเขาก็นอน ตื่นเช้าก็ทำงานได้ตามปกติ เป็นอย่างนี้มานานเกือบยี่สิบปี มองจากสภาพภายนอกแล้ว ทุกคนก็เห็นว่าครอบครัวของฉันนั้นเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ มีความสุขดี ซึ่งมันก็น่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่คงไม่มีใครทราบหรอกนอกจากตัวฉันเองว่า อันที่จริงแล้วลึก ๆ ลงไปมันมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่งซึ่งเป็นปัญหาเสมือนน้ำท่วมปากที่ไม่อาจจะพูดจาให้ใครรับฟังได้ นั่นก็คือ นับตั้งแต่แต่งงานอยู่กินกับสามีมาฉันไม่เคยได้รับความสุขสุดยอดทางเพศจากเขาเลย เขามีปัญหาคือ เรื่องของขนาดอวัยวะความเป็นชายของเขา ที่มีขนาดค่อนข้างเล็กและสั้นมาก ทั้งๆ เวลาที่มันแข็งตัวเต็มที่ก็ตาม (ก็น่าแปลกมากทั้งๆ ที่รูปร่างเขาเองก็สูงใหญ่แข็งแรงดี) ที่ทราบเพราะเคยเห็นตามรูปภาพโป๊ผู้ชายหรือตามวีดีโอต่าง ๆ ซึ่งมันแตกต่างจากของสามีมากเลย ถึงแม้ว่ามันจะไม่เล็กเหมือนของเด็กแต่ก็จัดว่าเล็กตามความรู้สึกของฉัน และอีกปัญหาหนึ่งที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้นก็คือเขาเป็นคนที่ไม่มีน้ำอดน้ำทนเอาซะเลย เวลาที่เรามีกิจกรรมร่วมรักกันแต่ละครั้ง เขาจะใช้เวลาสั้นมากเพียงไม่กี่นาทีเขาก็เรียบร้อย เขาเอาแต่ใจตนเอง ปล่อยลอยแพให้ฉันต้องฝันค้าง คนเดียวเช่นนี้ตลอดมา แต่ด้วยความที่รักเขามากฉันเองก็พยายามทำใจ ยอมรับสภาพปัญหาที่เกิดกับตนเองเรื่อยมา คิดว่าปัญหาตรงนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ สำหรับการใช้ชีวิตคู่ ขอให้เรามีความรัก ความเข้าใจซึ่งกันและกันก็น่าจะพอแล้ว ซึ่งบางครั้งในสภาพความเป็นจริงแล้วฉันก็อดที่จะน้อยใจโชคชะตาของตนเองอยู่บ้างเหมือนกัน ในบางครั้งที่ได้ยินกลุ่มเพื่อนผู้หญิงเราเมื่อเข้ากลุ่มกันก็เคยหยิบยกเรื่องกิจกรรมบนเตียง เรื่องความสุข ความเสียวสุดยอดที่ได้ร่วมกับสามีแล้วก็อดอิจฉาเขาเหล่านั้นไม่ได้ ซึ่งบางครั้งฉันก็แกล้งทำทีเป็นไม่ได้ยินหรือบางครั้งเพื่อนเขาชวนคุยด้วย ฉันก็แกล้งเออออห่อหมก ดังกับว่าตนเองก็สุขดังคนอื่นเขาเช่นกัน ซึ่งจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย ทุกครั้งที่มีความรู้สึกอย่างนี้เกิดขึ้นกับตนเองก็พยายามคิดถึงสิ่งดี ๆ คิดถึงลูกคิดถึงความรักที่ฉันมีต่อเขา ก็สามารถกลบเกลื่อนความทุกข์ในส่วนนั้นไปได้มากทีเดียวทำให้สบายใจขึ้น แต่เมื่อประมาณสองปีที่ผ่านมาที่สำนักงานที่ฉันทำงานอยู่ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อ วินัยได้ย้ายเข้ามาทำงานด้วย วินัยเป็นเด็กหนุ่มที่ย้ายมาจากต่างจังหวัด อายุราว 24 – 25 ปี ซึ่งเป็นคน ที่มีอัธยาศัยดี คุยเก่ง เข้ากับเพื่อนร่วมงานทุกคนได้เป็นอย่างดี และจัดว่าเป็นน้องเล็กของที่ทำงานเนื่องจากอายุน้อยสุด ในสำนักงานที่ฉันทำงานอยู่ จะมีพนักงานชายเพียง 2-3 คนคือ นักการภารโรงและคนขับรถ และก็วินัยนอกนั้นจะเป็นผู้หญิงซะส่วนใหญ่รวมทั้งหัวหน้าในสำนักงานนี้ก็เป็นสุภาพสตรีเช่นกันและในบรรดาผู้หญิงทั้งหมดก็จะมีอายุหลักสามสิบเศษๆ ทั้งนั้น ฉันเองก็ใกล้ๆ จะสี่สิบแล้ว ดังนั้นวินัยจึงเรียกพวกเราว่าพี่บ้าง น้าบ้างและต้องอาศัยพวกเราเป็นเพื่อน ไปกินกลางวันตอนพักเที่ยงก็จะไปเป็นกลุ่ม ๆ วินัยก็จะไปด้วย มีธุระไปซื้อของหลังเลิกงานวินัยก็จะตามไปด้วย จนมีการพูดเล่นกันสนุกๆ ในกลุ่มพวกเราว่าวินัยเป็นบอดี้การ์ด วินัยจะเป็นคนที่ขยัน อ่อนน้อมถ่อมตน ชอบอาสาช่วยเหลืองานเพื่อนคนอื่นเป็นอย่างดี ใช้งานอะไรก็ง่าย เรียกว่าเขาบริการช่วยเหลืองานพวกผู้หญิงเราได้ตั้งหลายอย่าง ซึ่งพวกเราก็ให้ความรักความเอ็นดูวินัยเป็นอย่างดี เวลาพักเที่ยงพวกเราก็จะผลัดกันเลี้ยงอาหารเขาเป็นการตอบแทน หรือใครไปเที่ยวที่ไหนมาก็จะมีของฝากติดมือมาฝากเขาเสมอๆ หรือแม้แต่นอกเวลางาน ถ้าพี่ๆ น้า ๆคนไหนมีภาระกิจ หรืองานที่บ้านถ้าวินัยรู้และคิดว่าช่วยได้เขาจะไปช่วยอย่างเต็มที่ ที่บ้านฉันก็เช่นกัน วินัยจะแวะเวียนมาบ่อยมาก มาดื่มกับสามีฉันประจำ ๆ บ้างครั้งก็ซื้อกับข้าวเย็นที่ตลาดใส่ถุงหิ้วแวะมากินที่บ้านฉันก่อนแล้วจึงเลยกลับบ้าน เพราะว่าบ้านพักที่เขาเช่าอยู่นั้นอยู่หลังตลาดเลยบ้านฉันไปเพียง 2 ซอยแค่นั้นเอง วินัยจึงคุ้นเคยกับครอบครัวฉันเป็นอย่างดี ประมาณเกือบปีมานี้เอง ฉันสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ เกิดขึ้นกับวินัย นั่นก็คือฉันมีความรู้สึกว่าวินัยจะมองฉันด้วยสายตาแปลกๆ บางครั้งเขาจะแอบมองเวลาที่ฉันเผลอ แรก ๆฉันก็ไม่ได้คิดอะไร และก็ยังไม่ค่อยแน่ใจกับการสังเกตของตนเอง จนเวลาผ่านไปฉันก็ค่อยๆ แน่ใจว่าวินัยแอบมองฉันจริง ๆ หลายๆ ครั้งที่ฉันรู้ตัวหันไปมองเขา วินัยถึงกับตกใจทำท่าเขินอายหลบตาทีเดียว ถึงแม้กระนั้นก็ตามเวลาที่ฉันเผลอทีไรวินัยก็จะแอบมองฉันตลอด โดยเฉพาะวันที่ฉันแต่งตัวนุ่งกระโปรงสั้นนิดหน่อยหรือเสื้อที่คอ กว้างนิดๆโชว์ให้เห็นเนินอกขาวเนียน วันนั้นก็จะเห็นชัดเลยว่าวินัยจะแอบมองบ่อยมาก ฉันจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ บางครั้งถึงกับทำเอาฉันต้องเขิน สะท้านลึก ๆ ต่อสายตาของเด็กหนุ่มคนนี้ไม่น้อยทีเดียว ยิ่งกว่านั้นเวลาที่เรามีธุระต้องพูดคุยหรือเขาต้องมาหาฉันที่ที่โต๊ะทำงาน ดูคล้ายๆ กับว่าเขามีเจตนาที่จะยืนใกล้ ๆ ให้ชิดกับฉันมากๆ หรือเวลาเดินด้วยกันเขาก็จะชอบมาเดินใกล้ๆ จนได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆจากตัวเขา หรือบางครั้งก็แขนชนกันบ้าง หัวไหล่ชนกันบ้าง เวลาที่เขาไปที่บ้านก็เช่นกัน เขามักจะเข้าไปช่วยฉันกับข้าว กับแกล้มที่ในครัว สามีก็จะนั่งดื่มรอที่โต๊ะหน้าบ้าน เขาจะชอบมายืนด้านหลังชะโงกใบหน้าเข้ามาดูจนบ้างครั้งเกือบจะชนแก้ม หรือบางครั้งรู้สึกว่าตัวเขามายืนชิดจนติดด้านหลังของฉัน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เป็นเช่นนี้แหละ แต่ฉันก็ไม่เคยรู้สึกอะไรถือเป็นเรื่องปกติ แต่เวลานี้ฉันต้องยอมรับว่า ในความรู้สึกลึกๆ แล้วฉันเองก็อดไม่ได้ ที่จะหวั่นไหวต่อสายตาของเด็กหนุ่มคนนี้ที่มองด้วยสายตาที่ชื่นชม แอบปลื้ม ๆ เล็กเวลาที่อยู่คนเดียวเสมอ ๆ รู้สึกอบอุ่นเมื่อเวลาที่เขามายืนใกล้ๆ และเผลอคิดถึงเขาบ้างเป็นครั้งคราวจนบางทีก็คิดเตลิดเลยเถิดไปจนความรู้สึกเร่าร้อนเกิดขึ้นกับตนเอง คิดซะว่ามันเป็นความสุขเล็กๆในใจเรารู้เพียงเราคนเดียว ไม่ทำให้ใครเดือดร้อนไม่เห็นเป็นไรเลย แต่ความรู้สึกเหล่านี้ก็จะถูกตัวเองสะกัดกั้นไม่ให้คิดเลยเถิดไป เช้าวันหนึ่งฉันไปถึงที่ทำงานแต่เช้าเพราะจะรีบไปทำงานที่ค้างไว้เมื่อเย็นวานและคิดว่าจะเป็นคนแรกที่ไปถึงที่ทำงาน แต่พอไปถึง วินัยกลับอยู่ที่สำนักงานก่อนแล้ว พอเห็นหน้าฉันเขาก็รีบเข้ามาหาที่โต๊ะ ด้วยรอยยิ้มและท่าทางที่ดีใจ อย่างออกนอกหน้า และสิ่งที่ฉันคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินจากปากของเด็กหนุ่มคนนี้ เขาสารภาพกับฉันกุมมือฉันแน่นว่า เขารักฉันชอบฉันมานานแล้วตั้งแต่เขาย้ายมาใหม่ ๆ ทำเขาฉันทั้งงง ทั้งตกใจจนตั้งตัวไม่ติด พอรู้ตัวอีกทีก็รู้สึกว่าตัวเองโกรธมาก คิดว่าที่เขาทำอย่างนี้ พูดอย่างนี้เขาดูถูกศักดิ์ศรีฉันมาก เห็นฉันเป็นอะไร ฉันมีสามี มีลูก มีครอบครัวแล้ว และเขาก็เป็นเด็กอายุอ่อนว่าฉันเป็นสิบปี มาทำอย่างนี้ได้อย่างไร ฉันสะบัดมือให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา และว่าเขาไปแรง ๆ หลายคำ วินัยหน้าสลด หน้าเสียทันที ผิดหวังจากการตอบสนองจากฉันอย่างเห็นได้ชัด และฉันก็ยื่นคำขาดกับเขาทันทีว่า อย่าได้คิด อย่าได้มีความรู้สึกกับฉันอย่างนี้อีกต่อไป เป็นอันขาด ดูแววตาเขาเจ็บปวดรวดร้าวอย่างที่สุดเลย เขาเดินคอตกกลับไปนั่งนิ่งเงียบอยู่เป็นนาน ดีว่าขณะที่เกิดเหตุมีเพียงเราอยู่กันเพียงสองคนไม่มีใครรู้ใครเห็น ฉันเองขณะนั้น ก็สบสนวุ่นวายใจมากทีเดียว ก็แปลกใจตนเองไม่น้อยทีเดียวก็ในใจจริงแล้วฉันก็แอบมีใจให้กับวินัยเช่นกัน แต่ทำไมจึงสนองตอบเขาด้วยอาการและคำพูดที่ค่อนข้างรุนแรงเช่นนี้ได้ คงเพราะอยากปกป้องศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงก็เป็นได้ หลังจากเหตุการณ์เช้าวันนั้นผ่านไป วินัยเปลี่ยนไปมาก เขาเงียบเหงา คุยน้อยลง อารมณ์ขันน้อยลง จนเพื่อน ๆ ในที่ทำงานต่างก็สงสัย พากันถามเขาซึ่งเขาก็บอกว่าไม่มีอะไร มีเรื่องจากทางบ้านนิดหน่อย พวกพี่ ๆ น้า ๆจึงไม่มีใคร ซักต่อเพราะกลัวจะกระเทือนใจเขานั่นเอง ซึ่งอันที่จริงแล้วฉันรู้ดีที่สุด ที่วินัยเป็นเช่นนี้เพราะอะไร วินัยไม่กล้าที่จะมองสบตากับฉันเลย เวลาที่มีเรื่องก็จะคุยเฉพาะธุระเรื่องงานเท่านั้น ที่บ้านฉันเขาก็ไม่แวะไปเลย เกือบเดือนผ่านไป วินัยก็ยังไม่ดีขึ้น สามีฉันถึงกับถามถึงเขาหายไปไหนไม่เห็นแวะมาที่บ้านเลยฉันก็บอกว่าเขางานเยอะ ยิ่งนานวันฉันเองก็ใจไม่ดีเหมือนกันยิ่งเห็นกิริยาอาการของวินัย เป็นเช่นนี้ก็รู้สึกว้าวุ่นใจที่ตัวเองเป็นสาเหตุ อีกใจก็เป็นห่วงเขาอยากเห็นเขาเป็นวินัยคนเดิม ที่ร่าเริงแจ่มใส เป็นน้องเล็กของพวกเราดังเดิม ฉันจึงเป็นฝ่ายเข้าไปพูดคุย ชวนเขาคุย ทำทีให้เขาช่วยงาน บางอย่างซึ่งวินัยก็ช่วยตามปกติ แต่อาการก็ยังไม่ปกติ ฉันพยามอยู่หลายวันที่จะชวนเขาพูดคุย อันที่จริงพูดอย่างไม่อายก็ คืออยากจะง้อเขานั่นเองแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะสภาพของฉันเองมันไม่น่าจะทำได้มากกว่านี้….วันหนึ่งฉันจึงทำทีชวนเขาไปทานข้าวเย็นที่บ้านโดยอ้างว่าสามีฉันถามถึง ซึ่งเขาเองก็รับปากดูแววตาเขาจะพอใจไม่น้อยทีเดียว ฉันรออยู่สองสามวันวินัยก็ยังไม่มาที่บ้านซักที ใจฉันมันร้อนรุ่มมาก รอเขา อยากให้เขามา อยากให้เขาเหมือนเดิม แล้วทำไมไม่มา ใจฉันตอนนี้ยอมรับแล้วว่า รักเด็กคนนี้เสียแล้ว ไปที่ทำงานก็ไม่กล้าที่จะชวนเขาอีก ก็เลยทำเฉย กลัวจะเสีย ฟอร์ม ใจจริงแล้วอยากต่อว่าเขา อยากง้อ อยากชวนแต่เฉยดีกว่า อีกหลายวันต่อมา เขาก็ยังคงเงียบ และแล้ว เย็นวันหนึ่งฉันก็ต้องดีใจมาก ในขณะที่ฉันกำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่นั้น เสียงออดประตูหน้าบ้านก็ดังขึ้นพอสามีไปเปิดก็พบวินัยแต่งตัวอยู่ในชุดลำลองคือเสื้อยืดกางเกงวอร์ม มือหิ้วกับข้าวพร้อมทั้งเหล้าของโปรดสามีอีกชุดใหญ่ อย่าให้พูดเลยว่าฉันดีใจเพียงใด สามีฉันรีบทักทายอย่างดีอกดีใจที่จะได้มีเพื่อนดื่ม ฉันเข้าไปเตรียมอาหารต่อในครัวด้านหลังบ้าน สองหนุ่มต่างวัยก็จัดแจงเตรียมสถานที่พร้อมอุปกรณ์ต่างๆ ที่หน้าบ้าน ซึ่งบางครั้งวินัยก็เดินเข้าไปช่วยยกกับข้าว กับแกล้มที่ในครัว ซึ่งฉันสังเกตเห็นว่าเขาออกจะเกรงใจฉันมากอยู่สักหน่อย เพราะเขาไม่กล้าที่จะมายืนใกล้ๆ ฉันอีกเลย ซึ่งฉันเองก็พยายามชวนเขาคุยเหมือนเราไม่เลยมีเรื่องอะไรกันมาก่อน วินัยก็ดูจะมีท่าทางสบายใจขึ้น เราสามคนนั่งร่วมดื่มร่วมกินข้าวกันจนสองทุ่มเศษ สามีก็เริ่มออกอาการเมาเสียแล้ว เพราะพูดเสียงอ้อแอ้ ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ส่วนวินัยนั้นปกติเขาก็ไม่ชอบดื่มหรอก คงดื่มนิดหน่อยดูยังปกติดี ฉันจึงขอตัวเข้าไปอาบน้ำอาบท่าก่อน พักใหญ่ประมาณสามทุ่มเศษฉันกลับออกมาอีกที สามีก็ฟุบหลับคาโต๊ะไม่รู้สึกตัวซึ่งก็เป็นอาการปกติของเขาละ เวลาดื่มทีไรก็จะดื่มมากกว่าคนอื่นและเมาเร็วกว่าคนอื่นด้วย อย่างนี้ประจำ แต่ก็ดีตรงที่ว่าเมาแล้วเขาก็หลับไม่หาเรื่องหาราวกับใครซึ่งฉันคิดว่ามันดีกับตัวฉันอย่างที่สุดเลย พอหลับแล้วเขาก็จะไม่มีโอกาสได้ก่อกวนให้ฉันต้องอารมณ์ค้างหรือเสียอารมณ์ ( ผู้หญิงเราถ้าไม่มีสิ่งยั่วยุอารมณ์ให้มันเกิดร้อนรุ่มขึ้นมาละก้อ เป็นเดือนเป็นปีก็อยู่ได้) เป็นอย่างนี้มาตลอด วินัยก็รู้ดีเพราะคบกันมานาน ทุกครั้งที่มานั่งดื่มกับสามีที่บ้านวินัยก็จะมีงานเพิ่มอีกอย่างก็คือ พยุงสามีเข้าไปนอนที่ในห้อง วันนี้ก็เช่นกัน ส่วนฉันก็ยกสำรับกับข้าวเก็บเข้าไปในครัว วินัยก็ช่วยเก็บกวาดสถานที่ ซึ่งเป็นอย่างนี้ประจำ แล้ววินัยก็ตามฉันเข้าไปในครัว ในขณะที่ฉันยืนล้างถ้วยจานที่อ่าง วินัยเข้ามายืนเคียงข้างจนชิดจนได้กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆจากเขา จุ่มมือลงในอ่างช่วยล้างด้วย ฉันไม่พูดอะไร แขนและมือเราสัมผัสกันในบางครั้ง ถึงมันอาจจะไม่มีเจตนาก็เถอะ แต่ในใจฉันซิมันรู้สึกหวั่นไหวสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ที่เขามายืนใกล้ๆ อย่างนี้ มันรู้สึกอบอุ่น มีความสุข วินัยเองก็ดูเหมือนจะ หายกลัว หายเกร็งแล้ว ดูเขาจะเป็นปกติแล้ว เราเก็บของเสร็จออกจากในครัวมาที่ห้องใหญ่ ฉันก็คิดว่าเขาจะลากลับ แล้วฉันก็ต้องตกใจมากเพราะคิดไม่ถึงว่าวินัยจะกล้าทำอย่างนี้ เขาดึงร่างฉันเข้าไปกอดอย่างรวดเร็ว ฉันพยายามผลักดันออก แต่ให้ตายเถอะอีกใจหนึ่งมันกลับรู้สึกอยากให้เขากอด จะขัดขืนอีกก็กลัวเขาจะโกรธ วินัยก้มลงมาจูบตามใบหน้าและก็ประทับ จูบลงบนริมฝีปากฉันอย่างดูดดื่ม มันช่างเป็นจูบแรกที่ประทับใจเหลือเกิน ทั้งนุ่มนวล เร่าร้อน เราต่างแลกลิ้นกันด้วยอารมณ์พิศวาสที่มีต่อกันและกัน อารมณ์ที่เคยมอดไหม้ เหือดแห้งมานานนับสิบปีของฉันมันลุกโพลงร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เราต่างกอดกันแน่น มือไม้เราต่างสัมผัสลูบไล้ไปบนเรือนร่างของกันและกันตามแต่ที่ใจมันปรารถนา เรายืนกอดเบียดร่างเข้าหากันแนบชิดจนรู้สึกถึงการสัมผัสว่าตรงหน้าท้องและท้องน้อยของฉันถูกกดด้วยท่อนเนื้อที่แข็งแกร่งขนาดมหึมา ดันผ่านกางเกงวอร์มเนื้อนิ่มของเขาเป็นลำนูนทีเดียว รสสัมผัสมันยิ่งกระตุ้นไฟสวาทของฉันให้มันเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ แล้วเขาก็อุ้มฉันไปวางที่โซฟาตัวใหญ่ตรงมุมห้องซึ่งมีไว้นอนดูทีวี ขนาดนอนได้สองคนสบายๆ แล้วเสื้อคลุมและชุดนอนข้างในของฉันก็ถูกปลดออกอย่างง่ายดาย แสงไฟในห้องที่เปิดสว่างจ้า ทำให้ร่างอันได้สัดส่วน อวบอัดของฉันโชว์ความขาวเนียนต่อหน้าของวินัยอย่างถนัดชัดเจน เขาเองก็ไม่รอช้าก้มซบใบหน้าลงซุกไซร้ความหอม ความเนียน ความอวบอัดไล่ลงไปจากซอกคอ เนินอกที่ขาวผ่อง และหยุดอยู่ที่เนินนมคู่อวบใหญ่ ถึงฉันจะอายุมากเกือบ สี่สิบแล้วแต่ด้วยความที่เป็นคนเอาใจใส่เรื่องความงามและสุขภาพ บริหารร่างกายเสมอๆ ทุกส่วนในร่างกายจึงยังดูดี ดูอ่อนกว่าวัย ซึ่งมันเป็นความภาคภูมิใจของฉันอย่างที่สุด วินัยจูบไปก็ชมไป เขาดูด เม้มคลึงเคล้าที่หัวนมทั้งสองข้างของฉันอย่างเสียวซ่าน กินไปชมไป อารมณ์ฉันเพลิดแบบสุดๆ กายก็ถูกกระตุ้น จิตใจก็ถูกคำชมหวานของเขาโลมเล้าจนร่างสั่นสะท้านไปหมด ยิ่งไปกว่านั้นตรงเนินโหนกที่โคกใหญ่ก็ถูกเขาซบหน้าลง สอดแทรกปลายลิ้นเร่าร้อนเข้าตวัดขึ้นลงไปตามร่อง ฉันถึงกับแอ่นเนินขึ้นรับการแหย่แยงด้วยความเสียว มันเสียวมากเหลือเกินจนไม่อาจจะทานทนต่อไปได้แล้ว ฉันกอดศรีษะเขาแน่นร้องครางอย่างมีความสุข ร่างเปลือยเกร็งแน่นไหวกระตุก ไปทั่วทั้งร่าง โอ… นี่หรือคือจุดสุดยอด นี่หรือคือความสุข เป็นสุขแรกที่ฉันเพิ่งได้พบได้เจอ คิดไม่ถึงเลยว่ามันจะเสียวจะสุขได้มากถึงเพียงนี้ ทั้งแขน ทั้งขาอ่อนของฉันกอดรัดร่างวินัยแน่นด้วยความสุข…… ร่างอันอ่อนระทวยด้วยความสุขของฉัน นอนหงายทอดยาวอวดความอวบอัดได้สัดส่วน จนวินัยไม่ยอมห่างกอดซบตรงเหนือเนินเนื้อที่โคกนูน กลางร่องหลืบยังคงฉ่ำแฉะด้วยเมือกแห่งความสุข เสียงเขาครางในลำคอฮือ ๆ ค่อยๆ เลื่อนตัวขึ้นมาทาบทับร่างเปลือยของฉัน คราวนี้ร่างกำยำของเขาก็ว่างเปล่าเช่นกัน เขาจูบขึ้นมาเรื่อย ๆ แล้วก้มมาประทับที่ริมฝีปากของฉันอีกครั้งหนึ่ง ลิ้นเขาช่างปลุกอารมณ์ได้ดีเหลือเกิน ทั้งอ่อนหวาน และเร่าร้อน ขณะที่ไฟสวาทของฉันกำลังถูกจุดให้ติดขึ้นมาอีกครั้ง ที่ส่วนเนินโหนกก็รู้สึกว่ามันกำลังถูกบดถูกเบียดด้วยดุ้นเนื้อลำแกร่งที่ขนาดใหญ่โต จนรู้ว่ามันร้อนทาบพาดกลางเนินพอดี มันยิ่งเบียดฉันก็ยิ่งเสียวซ่าน มากขึ้นเรื่อยๆ รู้ถึงขนาดแล้วมันช่างเร้าใจ เร้าอารมณ์ยิ่งนัก ฉันผลักร่างเขาดันให้นอนหงายลง แล้งพลิกร่างที่ขาวผ่องขึ้นอยู่เหนือเขา ภาพที่เห็นอย่างชัดเจน ดุ้นเนื้อหรือนั่น อะไรจะขนาดนั้น ทำไมถึงได้มหึมายิ่งนัก แข็งโด่ตั้งชันโชว์ความความกำยำ อย่างไม่มีขวยเขิน ฉันต่างหากที่เป็นฝ่าย สะท้านเยือกไปทั้งร่างที่เห็นขนาดยักษ์ของมัน มันแตกต่างกันเหลือเกิน ฉันกำมันไว้จนเต็มกำ ขนาดทำไมถึงมากมายอย่างนี้ ใหญ่ใหญ่ทั้งยาว กำไว้ตั้งสองมือยังเหลือโผล่อีกตั้งเยอะ …โอ…น่าท้าทาย ..น่าพิสูจน์ น่าลอง…เหลือเกิน ฉันไม่รอช้า อารมณ์เตลิดกู่ไม่กลับแล้ว ฉันก้มใบหน้าลง ปากและลิ้นชิมรสความอร่อยของมังกรยักษ์ อย่างล้นปากล้นคำ เสียงเขาครวญครางอย่างมีความสุข พักใหญ่เขาก็บอกจะทนไม่ไหวแล้ว ก็พลิกร่างขึ้นมาเหนือฉันอีกครั้ง แทรกร่างเข้ามาอยู่ระหว่างขาอ่อนคู่งามของฉัน โอ..ตื่นเต้นเหลือเกิน …มันกำลังจะ… โอยมันคง…ฮือ..ๆๆๆ.. ไม่อยากคิด ยิ่งคิดยิ่งเสียวยิ่งคิดยิ่งอยากลอง ใหญ่ๆ ยาว ๆ อย่างนี้จะเป็นอย่างไรนะ… โอยยย….ซีดๆ…ๆ.. อือ..เสียวจังเลย ทำไมถึงเสียวอย่างนี้ อือ … แน่นจังเลย .. เขาค่อยๆ กดมันลงมาช้า ๆ ลึกเข้ามาเรื่อยๆ ขาแยกออกจนสุด เพื่อเปิดรับความมโหฬารให้มันเข้าสู่ภายในได้จนหมด ทั้งคับ ทั้งเสียว เมือกที่ทะลักล้นออกมาช่วยได้มากเลย ความแข็งแกร่งนั้นค่อยๆ เคลื่อนลึกเข้ามาช้าๆ โอ..ยิ่งแน่นก็ยิ่งเสียว มันแน่นในร่องจริง ๆ จนรู้สึกอัดอัด จุกถึงคอหอยทีเดียว แล้วในที่สุด ฉันก็สามารถรองรับเอาความแข็งแกร่งนั้นไว้จนหมด โหนกเราบดเบียดแนบชิดกันสนิทแน่น โอ..โล่งอก….ความอึดอัดค่อยๆ คลายกลายเป็นความเสียวมาแทนที่ เขาบดเน้นเนินฉันช้าๆ ซอกเสียวของฉันปรับสภาพได้แล้ว ขมิบรับอย่างสุดเสียว ร่างเขาขยับได้คล่องขึ้น ฉันเองก็รู้สึกว่าความคับแน่นมันหมดไปแล้ว มีแต่ความเสียว ความสุข สะโพกผายของฉันแอ่นรับกับมังกรยักษ์อย่างไม่เกรงขามแล้ว มันไม่น่ากลัวอย่างที่คิดเลย มันให้ทั้งความเสียวซ่าน ความสุข ความมันในอารมณ์อย่างที่ไม่เคยพบมาก่อนเลยในชีวิต เราต่างช่วยกันสร้างความสุขจนร่างเราทั้งสองกอดกันแน่น ร่างเกร็ง สั่นกระตุกร้อนซ่านในส่วนลึกแสนจะสยิว ร้องครางกันอย่างมีความสุขแบบสุดๆ ฉันขมิบรับเมือกแห่งความสุขที่เขาพวยพุ่งเข้าใส่จนหมดสิ้น เรากอดกันอยู่นานด้วยความเสน่หาที่ได้มอบแก่กันและกันจนไม่อาจจะพูดอะไรต่อกันได้อีก นอกจากนอนกอดกันอยู่นานจนดึก จึงได้แยกจากกัน นี่แหละคือความสุขที่ฉันใฝ่ฝัน เรียกร้องและรอคอยมานานนับสิบปี บัดนี้ฉันได้พบมันแล้ว ถามว่าฉันผิดมากไหม ฉันรู้ว่ามันผิด แต่ใครไม่เป็นฉันคงไม่รู้หรอก เมื่อสามีให้ฉันไม่ได้ พอฉันพบแล้วก็ให้ฉันได้สุขสันต์กับมันบ้าง นี่คงไม่ผิดมากหรอกนะ